วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

วัฎจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle)



วัฎจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Product Life Cycle)
เมื่อผลิตภัณฑ์ถูกนำออกสู่ตลาด แสดงถึงการเริ่มต้นของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ระยะเวลาที่ผ่านไปจะมียอดขายเพิ่มขึ้นมากบ้าง น้อยบ้าง เป็นการแสดงถึงการเจริญเติบโตของผลิตภัณฑ์นั้น หากผลิตภัณฑ์ได้รับการยอมรับจากตลาดเป็นอย่างดียอดขายจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อผู้ซื้อไม่ต้องการผลิตภัณฑ์นั้น ยอดขายจะตกต่ำลง ในที่สุดผลิตภัณฑ์นั้นก็จะหายไปจากตลาด แต่จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาสู่ตลาดแทนผลิตภัณฑ์เก่าที่ล้าสมัยซึ้งผู้ต้องการซื้ออีกต่อไป ผลิตภัณฑ์ใหม่ส่วนหนึ่งอาจได้รับการต้อนรับจากตลาด แต่ผลิตภัณฑ์อีกหลายชนิดไม่สามารถเข้าสู่ตลาดจนลูกค้ายอมรับได้ ดั้งนั้นระยะเวลาที่ผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดจะอยู่ในตลาดจึงไม่เท่ากัน เป็นการแสดงให้เห็นวงจรชีวิตที่สั้นหรือยาวของผลิตภัณฑ์ซึ้งคล้ายกับวงจรชีวิตของคนเรา และจะเกิดวงจรชีวิตใหม่ เข้ามาแทนที่วงจรเดิมอย่างนี้ตลอดไปเรื่อย ๆ วงจรใหม่ที่เกิดขึ้นอาจจะมาจากผลิตภัณฑ์ใหม่มีเทคโนโลยีสูงกว่า มีประสิทธิภาพดีกว่า หรือตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป

ความหมายและความสำคัญ
หมายถึง การเติบโตของยอดขายผิตภัณฑ์ชนิดใดชนิดหนึ่งเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งจะมีลักษณะเป็นวงจรเล่าต่อไปเรื่อยๆ การศึกษารายละเอียดของวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์จะมีประโยชน์ต่อนักการตลาดและนักธุรกิจ การเรียนรู้ความต้องการของลูกค้าหรทอผู้ซื้อที่มีต่อผลิตภัณฑ์ จากการวิเคราะห์ลักษณะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละขั้นตอนของวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ ช่วยให้สามารถวางแผนการตลาด กำหนดกลยุทธ์ทางการตลาด กำหนดส่วนประสมการตลาด (Marketing Mix) ได้ถูกต้องและเหมาะสม
ขั้นตอนของวัฎจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Stages of Product Life cycle)
วัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์จะประกอบด้วยวงจร ขั้นตอน คือ 1) ขั้นแนะนำผลิตภัณฑ์ (Product Introduction) 2) ขั้นตลาดเจริญเติบโต (Market Growth) 3) ขั้นตลาดอิ่มตัว (Market Maturity) และ 4) ขั้นยอดขายตกต่ำ (Sales Decline)
ขั้นแนะนำผลิตภัณฑ์ (Product Introduction)
ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เริ่มนำออกสู่ตลาดในครั้งแรกยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้ซื้อหรือผู้บริโภค ดังนั้นผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายต้องเสนอ รายละเอียดของสินค้า โดยอาศัยในการส่งเสริมการตลาด (Promotion) เพื่อติดต่อสื่อข่าวกับผู้บริโภคให้ทราบว่ามีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ภาระค่าใช้จ่ายในการขายของขั้นแนะนำจะสูงผู้ผลิตที่เป็นผู้บุกเบิกตลาด (Pioneer) อีกทั้งอยู่ในภาวะที่มีการเสี่ยงภัยสูงมาก หากการตื่นตัวยอมรับผลิตภัณฑ์ใหม่มีน้อย ความต้องการสินค้าไม่แน่นอน ผู้บุกเบิกตลาดใหม่ต้องประสบกับการลงทุนสูงในการผลิต ค่าใช้จ่ายในการขาย ขณะที่รายได้อาจยังไม่มีหรือมีน้อยมาก ฉะนั้นกิจการที่นำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ขั้นแนะนำ ในช่วงแรกจะประสบภาวการณ์การขาดทุน
ดังนั้นการจัดกลยุทธ์การตลาดในขั้นแนะนำผลิตภัณฑ์จะเน้นเรื่องการส่งเสริมการตลาดและการสื่อสารให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย การส่งเสริมการตลาดจะเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า ผ่านสื่อโฆษณาประเภทต่าง ๆ ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ รวมทั้งการใช้พนักงานขายในการกระตุ้นให้เกิดความตื่นตัว และ เกิดการยอมรับในผลิตภัณฑ์ใหม่ เนื่องจากผู้ซื้อส่วนใหญ่จะซื้อผลิตภัณฑ์ที่ตนเองคุ้นเคย รู้จักสินค้าดีอยู่แล้ว ดังนั้นจะต้องใช้สื่อการส่งเสริมการขาย เช่น การแจกตัวอย่างหรือการสาธิต ช่วยให้ผู้ซื้อได้มีโอกาสทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ จึงจะเกิดการยอมรับในตัวผลิตภัณฑ์ติดตามมาได้
ขั้นตลาดเจริญเติบโต (Market Growth)
การยอมรับในตัวผลิตภัณฑ์ จะส่งผลให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นและเพิ่มในอัตราที่เร็ว ดังนั้นในช่วงต้นของขั้นเติบโต ผู้บุกเบิกตลาดจะได้รับผลประโยชน์จากกำไรที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากไม่มีคู่แข่งในตลาด ถือเป็นรางวัลที่ผู้บุกเบิกจะได้รับ แต่มักจะมีโอกาสได้ไม่นานเพราะ คู่แข่งขันทั้งหลายจะเริ่มได้กลิ่นกำไรและทยอยกันเข้ามาขอส่วนแบ่งตลาด จากหนึ่งเป็นสองและเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ช่วงเวลาที่คู่แข่งขันเข้ามาสู่ตลาดจะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับอัตราการเจริญเติบโตของความต้องการในผลิตภัณฑ์นั้น ส่วนอัตรากำไรมากหรือน้อยจะเป็นสิ่งจูงใจให้คู่แข่งขันเข้ามามากหรือน้อยรายเช่นกัน อย่างไรก็ตามการแข่งขันในขั้นตลาดเจริญเติบโตจะยังเป็นลักษณะการแข่งขันน้อยราย อาจเพียง 2 – 3ราย
เมื่อเริ่มมีคู่แข่งขันเกิดขึ้น ผู้บุกเบิกจะต้องเปลี่ยนวิธีการในการส่งเสริมการตลาดโดย ไม่จำเป็นที่จะใช้ตัวอย่างหรือสาธิตอีกต่อไป แต่ต้องหันไปเน้นการสร้างความชอบตราสินค้าให้มากขึ้น (Brand preferences) การโฆษณาจะหันไปเน้นให้ลูกค้าเจาะจงเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของเรา แทนที่จะซื้อของคู่แข่งขัน
การที่ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการของผู้ซื้อแสดงอย่างชัดแจ้งว่า เป็นแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นทำให้มีการกระจายสินค้า การจัดจำหน่ายให้กว้างขวางมากขึ้น การสินค้าไปให้กับสมาชิกต่างๆ ในช่องทางการจำหน่าย ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่แสดงแนวโน้มของตลาดที่ดี โดยเฉพาะในกรณีสินค้าอุปโภค



ขั้นตลาดอิ่มตัว (Market Maturity)
วงจรขั้นอิ่มตัวเกิดจากผู้ซื้อส่วนใหญ่ได้ซื้อผลิตภัณฑ์มาบริโภคกันทั่วหน้า ประกอบกับมีคู่แข่งขันมาเสนอขายผลิตภัณฑ์ชนิดเดียวกันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นส่วนส่งเสริมให้ลูกค้าต่าง ๆ มีโอกาสซื้อผลิตภัณฑ์เร็วขึ้น คู่แข่งขันที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ เกิดจากแรงจูงใจด้านกำไรที่ดี จะทำให้ส่วนแบ่งของตลาดที่ผู้ผลิตแต่ละรายได้รับลดน้อยลง ประกอบกับผู้ซื้อเริ่มให้ความสนใจน้อยลง ยอดขายจะไม่เพิ่มขึ้นมากเหมือนขั้นตลาดเจริญเติบโต และในที่สุดอัตราการเพิ่มจะหยุดนิ่ง หากไม่มีการแก้ไข ความต้องการ ในตลาดสินค้านี้จะตกต่ำลง อาจเพราะลูกค้ามีสินค้านี้แล้ว ลูกค้าเบื่อหน่ายแล้ว หรือต้องการแสวงหาสินค้าใหม่หรืออาจเพราะผู้ผลิตได้ แนวคิดผลิตภัณฑ์ใหม่
การที่มีคู่แข่งขันเข้ามาในตลาดมากทำให้ผู้ผลิตทุกรายต้องพยายามแย่งส่วนแบ่งตลาด ให้มากที่สุด จึงต้องมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงผลิตภัณฑ์ให้แปลกใหม่ด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับตัวผลิตภัณฑ์ (Product differentiation)
ขั้นยอดขายตกต่ำ (Sale Decline)
เมื่อผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นถึงจุดอิ่มตัว หากไม่ได้รับการแก้ไข้ ผลิตภัณฑ์นั้นจะเริ่มมียอดขายลดลงเรื่อย ๆ อาจเนื่องมาจากผลิตภัณฑ์ใหม่กว่ามาแทนที่ในตลาด ลูกค้าจึงหันไปซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่แทน การที่ยอดขายลดลง จะทำให้ส่วนแบ่งตลาดของผู้จำหน่ายแต่ละรายลดลงไปด้วย ดังนั้น การขาดทุนจะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ผู้ผลิตที่มีฐานะการเงินมั่นคง มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่าอาจจะอยู่ในตลาดเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ต่อไป แต่ผู้ผลิตรายเล็ก ๆ ที่มีทุนน้อยจะค่อย ๆ ถอนตัวออกจากตลาดเพราะไม่สามารถรับภาระการขาดทุนได้
กลยุทธ์การตลาดในขั้นแนะนำผลิตภัณฑ์
1. การตั้งราคาสูงอย่างฉับพลัน เป็นการนำสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดด้วยการตั้งราคาสูง และมีการส่งเสริมการตลาดในระดับสูง การตั้งราคาสูงมีจุดมุ่งหมายที่จะได้ผลกำไรต่อหน่วยสูง ส่วนการส่งเสริมการตลาดในระดับสูง การตั้งราคาสูงมีจุดมุ่งหมายที่จะได้ผลกำไรต่อหน่วยสูง ส่วนการส่งเสริมการตลาดสูงเพื่อให้ลูกค้ารับรู้และรู้จักสินค้าให้มาก เพื่อจะได้ตัดสินใจซื้อสินค้าได้
2. การตั้งราคาสูงอย่างช้า เป็นการนำสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดด้วยการตั้งราคาสูง แต่มีการส่งเสริมการตลาดในระดับต่ำ กลยุทธ์นี้จะใช้ได้ผลดีเมื่อตลาดมีขนาดจำกัด ลูกค้ารู้จักผลิตภัณฑ์ดีอยู่แล้ว และผู้ซื้อมีความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าจึงยอมจ่ายในราคาสูงได้
3. การตั้งราคาต่ำอย่างฉับพลัน เป็นการนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดด้วยราคาต่ำกว่าคู่แข่งขัน แต่มีการส่งเสริมการตลาดในระดับสูง ผู้ผลิตมีเป้าหมายเพื่อการเจาะตลาดที่รวดเร็ว ต้องการส่วนแบ่งตลาดให้มากที่สุด กลยุทธ์นี้จะใช้ได้ผลดีเมื่อตลาดมีขนาดใหญ่ ลูกค้ารู้จักสินค้าน้อย แต่ลูกค้ามีความไวต่อราคา กล่าวคือ เมื่อเห็นว่าผลิตภัณฑ์ราคาถูกกว่าจะเปลี่ยนใจมาซื้อทันที เพราะพวกเขาไม่ยึดติดในตรายี่ห้อ
4. การตั้งราคาอย่างช้า เป็นการนำผลิตภัณฑ์ใหม่เข้าสู่ตลาดด้วยราคาต่ำและมีการส่งเสริมการตลาดต่ำ การตั้งราคาต่ำทำให้บริษัทสามารถเจาะตลาดได้อย่างรวดเร็ว ส่วนการส่งเสริมการตลาดต่ำ ทำให้สามารถประหยัดต้นทุนในการสื่อสารการตลาดได้
กลยุทธ์การตลาดในขั้นตลาดเติบโต
1. การเพิ่มรูปลักษณ์ใหม่ของสินค้า เนื่องจากเมื่อจำนวนลูกค้ามากขึ้น ความต้องการที่หลากหลายย่อมเกิดขึ้น ดังนั้นความหลากหลายของสินค้าจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น
2. การขยายช่องทางการจำหน่าย จำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นมาจากหลาย ๆ พื้นที่ ดังนั้นผู้ผลิตจะต้องขยายช่องทางการจำหน่ายให้กว้างขวางขึ้น เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสะดวกในการจับจ่ายใช้สอย
3. การสงเสริมการตลาดให้เกิดความชอบในตราสินค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุประสงค์ของการโฆษนาต้องเปลี่ยนจากการสร้างการรับรู้(Awareness) มาเป็นการสร้างความในตัวสินค้า (Preference) แทน เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าของเราแทนการซื้อสินค้าของคู่แข่งขัน
กลยุทธ์การตลาดในขั้นอิ่มตัว
1. การปรับปรุงตลาด เช่น การดูดผู้ที่ไม่เคยใช้สินค้าให้หันมาใช้สินค้า การเข้าสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่ลูกค้ามีศักยภาพที่จะซื้อสินค้าได้ นอกจากนี้อาจจะใช้วิชาการเพิ่มความถี่ในการใช้หรือเพิ่มโอกาศในการใช้สินค้าให้แก่ลูกค้าเดิมก็ได้
2. การปรับปรุงผลิตภัณฑ์ ได้แก่ การปรับปรุงคุณภาพของสินค้าให้ดีขึ้น การปรับปรุงรูปลักษณะของสินค้าให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น รวมทั้งการออกแบบสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
3. การปรับปรุงส่วนประสมทางการตลาด เช่น การลดราคาสินค้าลงจากเดิม เนื่องจากต้นทุนในการผลิตต่อหน่วยลดลงอันเนื่องมาจากการผลิตขนาดใหญ่ (Economies of Scale) การเพิ่มช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ เช่น ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง การสื่อสารตลาดด้วยวิธีการทำ IMC (Integrated Marketing Communication) เป็นต้น
กลยุทธ์การตลาดในขั้นตกต่ำ
1. การเร่งระบบสินค้าออกจากตลาด เมื่อแนวโน้มสินค้ากำลังจะไม่เป็นที่ต้องการตลาดผู้ผลิตจะต้องใช้การลดราคามาก ๆ เพื่อระบายสินค้าออกไป
2. การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากตลาด การเลิกใช้สินค้าของลูกค้าไม่ได้เกิดขึ้นในทันทีทันใด ดังนั้นผู้ผลิตยังคงจำหน่ายสินค้าให้แก่กลุ่มลูกค้าที่เข้ามาทีหลังได้ เช่น โทรศัพท์มือถือแบบจอธรรมดายังสามารถจำหน่ายให้แก่ลูกค้าที่เข้ามาใช้โทรศัพท์มือถือในระยะหลังๆ ได้
3. การออกจากตลาด หากผู้ผลิตเห็นค่าการจำหน่ายต่อนำมาซึ่งการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ควรตัดสินใจเลิกผลิตสินค้าชนิดนั้น แล้วหาทางพัฒนาสินค้าใหม่ขึ้นมาทดแทน







                           วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์(Product Li fe Cycle)
                   Framework  Management Tool Box  ด้าน  Planning

1. แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์
     แนวคิดเกี่ยวกับวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์เป็นความพยายามในการอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างยอดขาย กำไร ลูกค้า และคู่แข่งขัน ตลอดระยะเวลาของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์นั้น ความรู้และความเข้าใจในลักษณะของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ของนักการตลาด จะช่วยให้กิจการสามารถพัฒนาส่วนประสมการตลาดได้ถูกต้อง
 2. เครื่องมือนี้คือ วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์(PLC)    เป็นประวัติการเจริญเติบโตของยอดขาย และกำไรของผลิตภัณฑ์  องค์ประกอบ ของ วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์(PLC)
     ขั้นแนะนำ(Introduction)
     ขั้นเจริญเติบโต(Growth)
     ขั้นอิ่มตัว หรือเติบโตเต็มที่(Maturity)
     ขั้นถดถอย(Decline)        
     วงจรชีวิตผลิตภัณฑ์     

 วงจรชีวิต

  3. เครื่องมือใช้เพื่ออะไร
เป็นที่มีประโยชน์ทางด้านการจัดการเชิงกลยุทธ์ อย่างมาก เพื่อจะช่วยให้ผู้บริหารมอง  ยอดขาย ของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การนำผลิตภัณฑ์ตั้งแต่การนำผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ นำผลิตภัณฑ์ออกจำหน่าย  เข้าสู่ ขั้นเจริญเติบโต   ข้นเจริญเติบโตเต็มที่ จนกระทั้งถึงขั้นตกต่ำ
4. ข้อดี-ข้อเสีย
ข้อดี
                ช่วยให้นักการตลาดจะต้องวางแผนการตลาดและการสื่อสารการตลาดอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผลิตภัณฑ์ของตนต้องลงไปอยู่ในช่วงของขั้นตกต่ำ อันจะนำความเสียหายมาสู่กิจการได้
ข้อเสีย
                คือ ผลิตภัณฑ์ อาจเกิดความไม่แน่นอนเสมอไปที่ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะต้องมีจุดจบตามช่วงวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์เสมอไป บางครั้งผลิตภัณฑ์บางอย่างสามารถเริ่มต้นใหม่ด้วยการหาตำแหน่งใหม่ได้นั่นก็คือ อยู่ที่กลยุทธ์ของแต่ละกิจการในการรักษาตำแหน่งของผลิตภัณฑ์ของตนเอาไว้ให้คงอยู่ในระดับช่วงเวลาที่สูงสุดของวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ได้ตลอดไป
5.ใช้อย่างไร    ตัวอย่าง กาแฟเนเจอกิฟ
     กาแฟลดน้ำหนัก             ซึ่งมีราคาสูงกว่ากาแฟทั่วไป
 6. กรณีศึกษา  :  The Pizza
อยู่ใน Product life cycle (PLC) ช่วงอิ่มตัว  หรือเจริญเติบโตเต็มที่  พิจารณาจาก  ยอดขายเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง  ความต้องการของผู้บริโภคเริ่มอิ่มตัว  ดูจากตลาดรวมในกรณีศึกษาได้บอกไว้ว่า  เริ่มถึงจุดอิ่มตัว  ยอดขายจะสูงสุดในขั้นนี้    แต่เนื่องจากเดอะพิซซ่า มีการปรับปรุงโดยใช้กลยุทธทางการตลาด ทั้ง การพัฒนาผลิตภัณท์ ( Product Modified   และ การพัฒนาตลาด (Market  Development ) ทำให้สามารถสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง เป็นการยืดอายุผลิตภัณท์
ขอขอบคุณ  พรรณเพ็ญ   สุนทรวิภาค

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2561



                                 4ms


เป็นหลักการบริหารโดยทั่ว ๆ  ไป ทุกหน่วยงาน ทุกองค์กรจะต้องนำหลักทฤษฎีทั้ง 4 ข้อ ไปใช้ในการบริหาร แน่นอนในร้านอาหารก็จะต้องนำเอาทฤษฎีทั้งสี่ข้อไปใช้ในการดำเนินธุรกิจ 
  คน/ Men   ร้านอาหารทุกแห่งในโลกนี้จะต้องมีคน  จะมีคนมาก หรือมีคนน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง  แต่ร้านอาหารจะขาดคนไม่ได้   อาหารที่ถูกปรุงนั้น เป็นการปรุงโดยคน อาหารที่รับประทานนั้นทำโดยคน   ผมว่าในโลกนี้คงไม่มีร้านอาหารที่ไม่มีคนทำงาน  การบริหารคน  การเอาคนมาทำงาน การเอาคนมาฝึกให้เขารู้จักการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก  จะเอาคนแบบไหนมาเป็นพ่อครัวแม่ครัว จะเอาคนแบบไหนมาเป็นคนเสิร์ฟอาหาร ผู้บริหารจะต้องรู้จักวางคนให้ตรงกับงาน มอบหมายงานให้ตรงกับคน
มีคนที่เคยเป็นพ่อครัวร้านอาหารคนหนึ่ง เขาไปบอกกับเพื่อนผมว่าให้เปิดร้านอาหารไทย เขาจะช่วยเป็นพ่อครัวให้  เพื่อนผม  ซึ่งเขาไม่เคยรู้เรื่องการทำร้านอาหารเลย เคยเห็นแต่คนอื่นเขา เพื่อนผมก็เลยลองลงทุนทำร้านอาหาร เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมาก  มีเพื่อนเป็นพ่อครัวคนเดียวเปิดร้านอาหารไทยในอเมริกา มีคนกล้าทำแบบนั้นหรือ ?  เพื่อนผมคนนั้นเขากล้ามาก เพื่อนที่เป็นพ่อครัวบอกว่าจะมีคนมาช่วย ขอให้เปิดร้านเท่านั้น มีคนมาทำงานอย่างแน่นอน  พอเปิดร้านก็ปรากฎว่าไม่มีคนช่วยงาน เปิดร้านได้ไม่ถึง 4 เดือนก็ล้ม  ลงทุนด้วยเงินเป็นหมื่นเป็นแสน สุดท้ายก็เป็นหนี้เป็นสิน  ก็ถือว่าเก่งครับ ดีกว่าผม เก่งกว่าผม  เพราะว่าผมยังไม่เคยมีโอกาสได้เป็นเจ้าของร้านอาหารเลย  การเปิดร้านอาหารได้นั้น เป็นขั้นตอนของการเริ่มต้น  การบริหารร้านให้ได้  10-20 ปี และมีกำไร คือ สิ่งที่สำคัญ
  เงิน /Money   ก็เป็นปัจจัยสำคัญขององค์กร  วัด โรงเรียน โรงพยาบาล คุก  ร้านอาหาร ตลอดถึงครอบครัวของแต่ละคน ล้วนแต่เป็นองค์กร ซึ่งจะต้องใช้เงินในการบริหาร  ผมเคยได้ยินว่า รัฐบาลไทยมีนโยบายส่งเสริมให้มีร้านอาหารไทยไปทั่วโลก โดยรัฐบาลจะจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้กับบรรดาผู้ที่จะทำธุรกิจร้านอาหาร   เงินเป็นปัจจัยสำคัญในการลงทุนทำธุรกิจร้านอาหาร  ผู้บริหารจะต้องรู้จักจัดการเรื่องการเงิน  จะต้องรู้จักใช้จ่ายเงิน อันไหนจำเป็น อันไหนสำคัญ อันไหนมาก่อน อันไหนมาที่หลัง ผู้บริหารจะต้องรู้ เอาเงินจากไหนไปซื้อข้าวสาร เอาเงินจากไหนไปซื้อผัก ซื้อเนื้อ เอาเงินที่ไหนมาจ่ายให้คนงาน ? ผู้บริหารร้านจะต้องรู้สิ่งเหล่านั้น
เพื่อนผมคนเดิมนั่นแหละครับ  เขาจะเปิดร้านอาหาร     เขาก็ไปยืมเงินจากคุณพ่อคุณแม่ และพี่ ๆ  น้อง ๆ  ของเขา ตลอดถึงเพื่อนที่ใกล้ชิดเขา  แต่โชคดีที่เขาไม่มาขอยืมจากผม เขาเคยพูดเรื่องเงินกับผม แต่ยังไม่ถึงขั้นขอยืมเงิน  คุณพ่อคุณแม่ของเขาก็พอมีเงิน เพราะได้สะสมเงินไว้หลายปี เก็บเล็กผสมน้อยเอาไว้ คงจะคิดว่าสักวันหนึ่งจะเดินทางไปเที่ยวหาญาติพี่น้องที่เมืองไทย  ไปหาเพื่อน ๆ  ที่เมืองไทย  แต่ก็ต้องเอาเงินที่เก็บไว้ไปให้ลูกชายลงทุนเปิดร้านอาหารไทย ปรากฎว่าเงินที่เก็บเล็กผสมน้อยมาเป็นเวลาหลายปี ก็ศูนย์สลายไปในระยะเวลาไม่กี่เดือน    ตัวเองไม่มีความรู้เรื่องการบริหารคน ไม่มีความรู้เรื่องการบริหารเงิน จะไปทำธุรกิจได้อย่างไร ?
บางคน พอได้เป็นเจ้าของร้านอาหารได้ไม่กี่เดือนก็ออกรถเบนซ์  ออกรถ BMW เอามาขับอวดคนอื่นแล้ว  เขายังไม่รู้เลยว่าทุนอยู่ที่ไหน  กำไรอยู่ที่ไหน  ผมก็ไม่เดือดร้อนอะไรหรอก ใครจะรถเก๋งคันงามอ่างไร ใครเขาจะอวดรถ อวดเรืออย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา ผมก็พูดตามภาษาคนที่มีความรู้น้อยมีประสบการณ์น้อย ผมเป็นแค่ผู้ช่วยแม่ครัวในร้านอาหาร
Material / วัสดุอุปกรณ์ และข้าวของเครื่องใช้ในร้าน  โต๊ะเก้าอี้ในร้านจะต้องมีสภาพที่สะอาด มีความสมบูรณ์ในการใช้งานร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้วยจานที่ใช้จะต้องมีความสวยงาม และสะอาด ถ้าจานมีรอยแตกเพียงเล็กน้อย(รอยแตกเพียงเล็กน้อย) คุณเอามาใส่ข้าวให้ฝรั่งกิน เขาอาจจะเดินหนี  บางคนอาจจะกิน แต่เป็นการกินครั้งสุดท้ายในร้านของคุณ และก็จะพูดกับเพื่อนทั้งโทรศัพท์ และพูดปากต่อปากกับเพื่อน ๆ  ว่า อย่าไปกินข้าวที่ร้านอาหารของคุณ
Management / การบริหาร  จะต้องบริหารคนให้เป็น  จะต้องบริหารเงินให้เป็น  จะต้องบริหารวัสดุอุปกรณ์ให้เป็น  จะต้องมีความรู้ในการคัดเลือกเอาคนมาร่วมงานกับเรา สำหรับคนที่ไม่เคยทำงาน ไม่เป็นงาน เราก็จะต้องฝึกให้เขารู้จักการทำงาน และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  ทำอย่างไรให้คนที่เป็นงานแล้วอยู่ร่วมงานกับเราไปตลอด  บางครั้ง บางคน เงินก็ไม่สามารถทำให้เขาอยู่ช่วยงานกับเรา  มันอาจจะมีปัจจัยอื่นด้วยที่จะทำให้เขาอยู่กับเรา ไม่ใช่เงินอย่างเดียว
ถ้าคุณไม่มีความรู้เรื่องการบริหารคน การบริหารเงิน การบริหารวัสดุอุปกรณ์  มันก็จะเป็นเหมือนกับเพื่อนผม คือ เปิดร้านอาหารไทยได้แค่ เดือน แล้วร้านก็ล้ม   แต่ก็ถือว่าดีกว่าผม  เพราะผมก็ยังไม่มีความรู้ และไม่มีประสบการณ์ขนาดเป็นเจ้าของร้าน  ผมเป็นแค่ผู้ช่วยครัวของร้าน  แต่ตอนนี้ผมถือว่าผมดีกว่าเพื่อนผมคนนั้น เพราะว่าผมไม่ได้เป็นหนี้อะไรใคร  ผมไม่เคยมีรถเก๋งคันงามขับเหมือนเพื่อนคนนั้น แต่ผมก็ไม่ได้อยู่แบบลบ ๆ  ซ่อน ๆ  บรรดาเจ้าหนี้  มีรถเก๋งคันงามขับก็ให้มีความสง่าผ่าเผย อย่าลบ ๆ ซ่อน ๆ  เพื่อนที่เป็นเจ้าหนี้   ชีวิตแบบนั้นมันไม่มีความสุขหรอก  

ถ้ามีเวลาผมจะเขียนถึงเรื่องการทำงานกับฝรั่ง ผมโชคดีที่ได้ทำงานกับคนไทย และก็ได้ทำงานกับพวกฝรั่ง เป็นชีวิตที่มีกำไรมาก ไม่ได้มีตำแหน่งงานอะไรที่ใหญ่โต แต่ก็มีชีวิตที่มีความสุข

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2561

โปรแกรม ฟรีแวร์


                                    6  โปรแกรม ฟรีแวร์



1. Avidemux เครื่องมืออเนกประสงค์สำหรับไฟล์วิดีโอ

เวลาเราไปคนหารายชื่อโปรแกรมตัดต่อวิดีโอ (Video Editing) แบบฟรีแวร์ เราก็มักจะพบชื่อของ Avidemux ด้วยอยู่เป็นประจำ แต่ในความเห็นของเราแล้ว Avidemux น่าจะจัดว่าเป็นโปรแกรมประเภท “Video Tools” มากกว่าครับ แต่ถ้าเราตีความคำว่า “Editing” แบบตรงตัวว่าเป็นการแก้ไข Avidemux ก็เป็นตามนั้นครับ
Avidemux ไม่ได้เป็นโปรแกรมสำหรับการตัดต่อในลักษณะของ Non-Linear ครับ แต่ว่าเป็นการทำงานโดยตรงกับไฟล์วิดีโอนั้น ๆ เลย ดังนั้นการทำงานกับ Avidemux เราควรจะทำสำเนาไฟล์มาใช้แล้วเก็บต้นฉบับแยกออกไปจะดีที่สุดครับเพราะถ้าพลาดมานี่ทำอะไรไม่ได้แล้วนะครับ แม้ว่าตอนที่ Export ไฟล์โปรแกรมจะถามชื่อไฟล์ชนิดไฟล์ที่ต้องการ Export บางครั้งเราก็ลืม Export ไฟล์ต้นฉบับไปก็มี
ส่วนคุณสมบัติในการทำงานของ Avidemux ก็มีหลายอย่างครับ เช่นการ Trim หรือตัดเฉพาะส่วนที่ต้องการของไฟล์วิดีโอเพื่อนำไปใช้งาน ซึ่งมีประโยชน์มากครับเวลาเราทำงานกับไฟล์วิดีโอจำนวนมากและมีขนาดใหญ่ เพราะบางครั้งถ้าเราไม่เลือกส่วนที่ต้องการจริง ๆ แล้ว Import ไฟล์ต้นฉบับเข้าไปทั้งหมดบางโปรแกรมจะใช้เวลานานครับ เสียเวลาไปโดยใช่เหตุ และที่สำคัญเวลาเราเลือกช่วงเวลาของวิดีโอแล้วทำให้เราพอที่จะจินตนาการงานที่จะนำไปทำต่อได้เลยครับ เรียกว่าเป็นการวางแผนขั้นแรกไปในตัว นอกจากนี้เราก็สามารถใส่ฟิลเตอร์ของแสง ใส่ซับไตเติล เติมสี กำหนด Transform ครอบส่วนที่ต้องการ ย่อขนาด ปรับเปลี่ยนเฟรมเรต จับภาพจากวิดีโอ รวมไปถึงการแยกเสียงออกจากไฟล์วิดีโอเพื่อนำไปใช้งานต่างหากได้ และคุณสมบัติอื่น ๆ อีกมากมายครับ
Avidemux เป็นโปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์ส มีให้ใช้งานทั้งบนวินโดวส์ แมคโอเอส และลินุกซ์ โดยในเวอร์ชันวินโดวส์นั้นก็มีเวอร์ชันแบบ 32 บิต และ 64 บิต ให้เลือกใช้งานตามเวอร์ชันของวินโดวส์ที่เราใช้งานอีกด้วย
ดาวน์โหลด Avidemux: http://fixounet.free.fr/avidemux/

2. HandBrake แปลงไฟล์ได้ ไม่ต้องเบรค

โปรแกรมตัดต่อวิดีโอส่วนใหญ่มักจะจดจำรูปแบบในการ Export ไฟล์ครั้งสุดท้ายที่เราได้ทำเอาไว้ และบางครั้งเวลาเราทำงานชิ้นใหม่เสร็จด้วยความรีบหรือลืมก็แล้วแต่ เราก็อาจจะ Export ไฟล์ออกมาผิดประเภทไม่ตรงกับที่เราต้องการ แต่ถ้าจะให้ Export ไฟล์ใหม่อีกครั้งก็อาจจะเป็นเรื่องที่เสียเวลา หรือในบางกรณีที่เรา Export ไฟล์ออกมาแล้วทุกอย่างถูกต้องไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ว่าต้องการอัปโหลดแบบด่วน ๆ เพื่อให้เพื่อนรวมงานหรือลูกค้าตรวจสอบความถูกต้อง ซี่งบางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟล์ที่มีขนาดใหญ่เราก็อาจจะแปลงไฟล์ให้เป็นฟอร์แมตอื่นที่มีขนาดเล็กเพื่อส่งให้ดูผ่านทางสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว
และหนึ่งในโปรแกรมที่จะช่วยในการแปลงไฟล์วิดีโอได้อย่างรวดเร็วก็คือ HandBrake โปรแกรมนี้มีชื่อเสียงในการเรื่องการแปลงไฟล์วิดีโอต่าง ๆ มาเป็นเวลานานแล้วครับ เป็นโปรแกรมที่แปลงไฟล์วิดีโอได้ค่อนข้างรวดเร็วเพราะตัวโปรแกรมพัฒนาออกมาให้รองรับชุดคำสั่งทางด้านมัลติมีเดียที่มีความเกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสและถอดรหัสไฟล์วิดีโอของซีพียูโดยตรงครับ
ในการแปลงไฟล์วิดีโอด้วยโปรแกรม HandBrake ก็ทำได้ง่าย ๆ ด้วยการเปิดไฟล์ต้นฉบับและเลือกชนิดและรูปแบบของไฟล์เอาต์พุตที่ต้องการได้เลย และยังสามารถปรับแต่งรายละเอียดของการแปลงไฟล์ได้อีกด้วย รวมไปถึงการสั่งให้แปลงไฟล์หลาย ๆ ไฟล์ได้อีกเช่นกัน แต่ไม่ได้แปลงพร้อมกันนะครับ แต่เป็นการแปลงไปทีละไฟล์ เพียงแต่เราสามารถใส่รายชื่อของไฟล์ที่ต้องการแปลงได้มากกว่าหนึ่งไฟล์ครับ หน้าจอของโปรแกรมนี้ดูแล้วอาจจะมีรายละเอียดมากอยู่สักหน่อย แต่ก็ทำความเข้าใจได้ไม่ยากครับ
Handbrake ก็เป็นโปรแกรมประเภทโอเพ่นซอร์สเช่นกันครับมีเวอร์ชันสำหรับวินโดวส์ แมคโอเอส และลินุกซ์
ดาวน์โหลด HandBrake: https://handbrake.fr/

3. Any Video Converter Free Edition แปลงวิดีโอง่าย ไม่ต้องคิดมาก

นอกจากโปรแกรม HandBrake แล้วโปรแกรมอื่น ๆ ที่ใช้ในการแปลงไฟล์วิดีโอได้ดีและง่ายก็มีอีกครับ เช่น Any Video Converter Free Edition ที่เรากำลังจะแนะนำ แต่ว่าเวลาติดตั้งแนะนำให้เลือกแบบ Custom Install นะครับ เพราะถ้าตอบ Yes อย่างเดียวอาจจะมีโปรแกรมอื่น ๆ แถมมาด้วย เช่นตอนนี้ก็จะเป็นโปรแกรมเกมออนไลน์แบบ Free to Play ซึ่งโปรแกรมพวกนี้ก็เป็นการหารายได้เพิ่มเติมของทางผู้พัฒนาครับ คือถ้ามาพร้อมกับโปรแกรมดี ๆ ก็ดีไปครับ ดังนั้นเวลาติดตั้งซอฟต์แวร์ที่เป็นฟรีแวร์ทั้งหลายระวังตรงนี้ไว้สักนิดก็ดีครับ
AVC Free Edition เหมาะสำหรับการแปลงไฟล์แบบเร่งด่วนแบบไม่คิดอะไรมากครับ เพราะมีรูปแบบของไฟล์ที่ต้องการแปลงให้เลือกหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการแปลงไฟล์เพื่อนำไปใช้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่นสมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ต AVC Free Edition จะเก่งมากครับ
AVC Free Edition สามารถแปลงไฟล์ภาพยนตร์จาก DVD มาเป็นไฟล์เพื่อใช้ตัดต่อได้ และในขณะเดียวกันก็มีเครื่องมือสำหรับการนำไฟล์วิดิโอไปทำเป็นแผ่น DVD ได้เช่นกัน พร้อมด้วยฟังก์ชันสำหรับการเล่นไฟล์และแผ่น DVD ได้ในตัวครับ นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องมือช่วยในการดาวน์โหลดวิดีโอจาก Youtube แล้วแปลงให้เป็นไฟล์เสียงมาให้อีกด้วย ตรงนี้อย่าเพิ่งมองเป็นเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์นะครับ เพราะมีช่องอย่างเช่น NCS ที่อนุญาตให้เรานำเพลงต่าง ๆ ไปใช้ได้ฟรี เพียงแค่ทำให้ถูกต้องเช่น ใส่ชื่อเพลง ใส่ชื่อที่มา อะไรประมาณนี้ครับ
ในภาพรวม AVC Free Edition ก็ถือได้ว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราประหยัดเวลาในหลาย ๆ เรื่องได้เป็นอย่างดีครับ เหมาะสำหรับแปลงวิดีโอแล้วส่งต่อให้ตรวจสอบหรือไปใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องการคุณภาพในการแปลงไฟล์มากนัก แต่ถ้าจะเน้นคุณภาพก็แนะนำให้ใช้ HandBrake จะดีกว่าครับ
ดาวน์โหลด Any Video Converter Free Edition : http://www.any-video-converter.com/download-avc-free.php

4. Audacity แต่งเติมเสริมเสียง

คิดว่าหลายคนก็คงจะรู้จักกับโปรแกรม Audacity เป็นอย่างดีแล้วนะครับ แต่สำหรับอีกหลายคนที่ไม่เคยลองใช้โปรแกรมนี้ก็บอกได้เลยครับว่าถ้าได้ลองใช้แล้วก็แทบจะไม่อยากไปใช้งานโปรแกรมอื่นอีกเลยครับ เพราะโปรแกรมนี้นอกจากจะมีความดีที่เป็นโอเพ่นซอร์สที่ให้เราใช้งานได้ฟรีแล้ว ก็ยังมีความสามารถในการทำงานเกี่ยวกับทางด้านเสียงที่ครอบคลุมทุกความต้องการเลยก็ว่าได้ และเป็นโปรแกรมฟรีอีกหนึ่งโปรแกรมที่ผู้ใช้งานในระดับมืออาชีพชื่นชอบมากกว่าโปรแกรมเสียเงินด้วยซ้ำไป
โปรแกรมนี้รองรับไฟล์เสียงได้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น WAV, AIFF, MP3, OGG และ FLAC แต่ถ้าต้องการที่นอกเหนือกว่านี้ก็สามารถไปดาวน์โหลด Plug-in มาติดตั้งเพิ่มเติมได้ครับ Audacity นอกจากจะทำหน้าที่ในการปรับแต่งเสียงแล้วยังสามารถใช้เป็นโปรแกรมบันทึกเสียงได้อีกด้วยนะครับเราสามารถตั้งค่ารายละเอียดของการบันทึกเสียงได้หลายอย่างเช่นกัน และเมื่อได้ไฟล์เสียงมาแล้วเราก็สามารถที่จะเพิ่มลดความดังของเสียง ตัดเสียงรบกวน เพิ่มลดความเร็ว ใส่เอฟเฟคต่าง ๆ ให้กับไฟล์เสียงของเราได้ สารพัดรูปแบบครับ
Audacity เป็นโปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สที่มีทั้งเวอร์ชันสำหรับวินโดวส์ แมคโอเอส และลินุกซ์ เช่นเดียวกันกับโปรแกรมโอเพ่นซอร์สตัวอื่น ๆ ครับ
ดาวน์โหลด Audacity: http://www.audacityteam.org/


5. Free Video Volume Booster แรงมาก็ลดไป เบาไปก็เพิ่มได้

บางครั้งเราถ่ายวิดีโอพร้อมกับเสียงไว้เรียบร้อยลงตัวดีแล้วโดยไม่จำเป็นต้องการตัดต่อใด ๆ เพิ่ม แต่ว่าเสียงที่ได้อาจจะเบาไปหรือดังไป เราก็สามารถใช้โปรแกรม Free Video Volume Booster เพิ่มหรือลดเสียงจากไฟล์วิดีโอได้โดยตรง และการปรับแต่งค่าเสียงก็ง่ายมากครับแค่ใส่ตัวเลขเกณฑ์การขยาย (dB) ลงไปเท่านั้น ซึ่งใส่ได้ทั้งการเพิ่มเสียงและลดเสียงครับ และถ้าเรามีไฟล์วิดีโอหลายไฟลที่ต้องการลดหรือเพิ่มเสียงก็ทำได้เช่นกันครับ แค่เพิ่มรายชื่อเข้าไปในรายการเท่านั้นเอง นอกจากจะสามารถลดหรือเพิ่มระดับเสียงได้แล้ว เรายังสามารถที่จะเปลี่ยนชนิดข้อมูลของแทร็กเสียงในไฟล์วิดีโอได้อีกด้วย เช่น เปลี่ยนจาก MP3 ให้เป็น AAC หรือ AC3 ก็ได้
ดาวน์โหลด Free Video Volume Booster: http://www.dvdavitools.com/free-video-volume-booster/


6. VSDC Free Audio Converter & VSDC Free Video Converter แนะนำเป็นแพ็คคู่ แปลงทั้งเสียง แปลงทั้งวิดีโอ

เปิดท้ายด้วยสองโปรแกรมคู่กันไปเลยครับจากค่าย VSDC ที่เราเคยแนะนำ VSDC Free Video Editor กันไปเมื่อครั้งก่อน นอกจากจะมีโปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรีให้ใช้แล้ว VSDC ยังมีโปรแกรมสำหรับแปลงไฟล์เสียง VSDC Free Audio Converter และโปรแกรมสำหรับแปลงไฟล์วิดีโอ VSDC Free Video Converter ให้เราได้ใช้งานกันอีกด้วยครับ เป็นค่ายที่ใจดีจริง ๆ (และทำให้ผู้เขียนเสียเงินอัปเกรด VSDC Free Video Editor เป็นเวอร์ชัน Pro Edition ไปเรียบร้อยแล้วครับ ช่วงนี้มีโปรโมชัน 19.99 USD หรือเจ็ดร้อยกว่าบาทเท่านั้นสำหรับโปรแกรมตัดต่อวิดีโอถูกมากครับ)
การใช้งานของทั้งสองโปรแกรมนี้ก็เป็นไปในรูปแบบที่เรียบง่ายครับ เมื่อเปิดโปรแกรมขึ้นมาแล้วก็เลือกไฟล์ต้นฉบับที่ต้องการแปลง จากนั้นก็ไปเลือกชนิดและรูปแบบของไฟล์ปลายทางที่ต้องการจะให้เป็นก็แค่นี้ครับ ง่ายจริง ๆ
สำหรับไฟล์เสียงที่ VSDC Free Audio Converter รองรับก็ได้แก่ MP3, Windows Media Audio (WMA/ASF), QuickTime Audio (MP4/M4A/AAC), Real Audio (RM/RA), Vorbis Audio (OGG), Mobile Audio (AMR), Creative Voice (VOC), Sun Audio (AU), Wave Audio (WAV/AIFF) และ FLAC ดูแล้วก็ครอบคลุมแทบจะทุกฟอร์แมตที่นิยมใช้งานกันแล้วครับ

20 เว็บยอดนิยมของไทย

                                                 20 เว็บยอดนิยม 1.เฟชบุ๊ก           https://www.facebook.com 2.วิกิพีเดีย          https:...